ตกขาวที่ปกตินั้น สร้างมาจากต่อมที่ปากช่องคลอดและปากมดลูก และจากผนังช่องคลอด ตกขาวจากแหล่งต่างๆ จะมารวมกันในช่องคลอดเพื่อทำหน้าที่ต่างๆ เช่น หล่อลื่นช่องคลอด ช่วยขับสิ่งแปลกปลอม ฆ่าเชื้อโรคที่เข้าไปในช่องคลอด และปรับสภาพความเป็นกรดด่างในช่องคลอดให้มีความสมดุล
ผู้หญิงมีตกขาวกันทุกคนไหม?
ผู้หญิงทุกคนต้องมีตกขาว โดยช่วงวัยเด็กอาจมีเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อถึงวัยเจริญพันธุ์ซึ่งเป็นช่วงเริ่มมีประจำเดือน ตกขาวจะมากขึ้นและมีปริมาณที่พอเหมาะ จนถึงวัยสูงอายุซึ่งจะเป็นช่วงเวลาที่มีปริมาณลดลงจนแทบไม่มีเลย
.
เมื่อตกขาวกลายเป็นเชื้อรา
เชื้อราในช่องคลอด เรียกว่า Candida albicans เชื้อโรคตัวนี้มีอยู่ทั่วไป แต่มักจะชอบสภาพสิ่งแวดล้อมที่ร้อนชื้นเป็นพิเศษ และช่องคลอดของผู้หญิงก็เป็นอวัยวะที่ชื้นอยู่แล้ว เพราะมีตกขาวอยู่ บวกกับหลายปัจจัยเกี่ยวกับความร้อน เช่น
• สภาพอากาศของไทยที่ค่อนข้างร้อนหรือร้อนมาก
• ใส่เสื้อผ้าที่อับมาก
• สภาพร่างกายสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักเกินกว่าเกณฑ์มากไป อาจทำให้ระหว่างขาชนกันตลอด ไม่มีที่ระบาย ส่งผลให้ช่องคลอดถูกอบอยู่ตลอดเวลา เชื้อราจึงชอบ
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้หญิงไทยเรามีการติดเชื้อราในช่องคลอดกันง่ายมาก ต่างจากผู้หญิงในเมืองหนาวที่มีการติดเชื้อราน้อยกว่า ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดเฉพาะรายที่เป็นโรคเบาหวาน หรือเป็นโรคที่ต้องกินยากดภูมิต้านทานบางอย่าง เช่น ยาที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง อย่างสเตียรอยด์และเคมีบำบัด ยาปฏิชีวนะ เป็นต้น
.
อาการติดเชื้อราในช่องคลอด
มีผู้หญิงจำนวนมากที่มีการติดเชื้อราโดยไม่มีอาการอะไรเลย ส่วนหนึ่งจะรู้ว่าตัวเองมีเชื้อราก็เพราะไปตรวจภายในด้วยเหตุอื่น เช่น ไปตรวจภายในประจำปี หรือตรวจเนื้องอกมดลูกหรือมะเร็งปากมดลูก
.
กรณีนี้อาจไม่จำเป็นต้องให้การรักษาอะไรก็ได้ เพราะเชื้อราที่ไม่ก่ออาการส่วนมากก็จะถูกตกขาวขับทิ้งออกไปจากร่างกายได้เอง แต่มีผู้หญิงจำนวนหนึ่งที่เมื่อได้รับเชื้อราเข้าไปในช่องคลอด มันจะเจริญเติบโตต่อไป ในระยะแรกจะมีรูปร่างคล้ายดอกเห็ด (blastospore) ซึ่งยังไม่ทำให้เกิดอาการอะไร แต่ถ้าไม่ได้รับยารักษาในระยะยาว เชื้อราจะเจริญต่อไปกลายรูปร่างเป็นสายยาวๆ (mycelia) ซึ่งสามารถแทรกเข้าไปในผนังช่องคลอดได้ เมื่อถึงตอนนี้ผู้หญิงจึงจะเริ่มมีอาการคันในช่องคลอด
บางคนอาจทนเอาเพราะอายที่จะไปตรวจภายในหรือคิดว่ามันจะหายคันไปเองได้ แต่เมื่อทิ้งไว้สักพักอาการคันก็กลับมากขึ้นจนทนไม่ไหวจนต้องหาหมอเพื่อตรวจภายใน
นอกจากอาการคันแล้วลักษณะทั่วไปของตกขาวก็จะเปลี่ยนไปด้วย จากที่เคยเป็นมูกใสๆ หรือขาวขุ่นๆ ก็จะกลายเป็นคล้ายนมที่เด็กอ้วกออกมา (curd) บางคนมีลักษณะคล้ายแป้ง
.
รู้ได้อย่างไรว่าเป็นเชื้อราในช่องคลอด?
แพทย์จะเอาตกขาวที่มีเชื้อรามาส่องกล้องจุลทรรศน์ แต่สำหรับแพทย์บางคนที่ผ่านการตรวจภายในผู้หญิงเป็นเวลานานๆ แค่ดูลักษณะตกขาวโดยไม่ต้องส่องกล้องก็บอกได้ว่าเป็นเชื้อรา
โรคนี้มีอันตรายไหม?
บางคนกลัวว่าถ้าเป็นตกขาวบ่อยๆจะทำให้เป็นมะเร็ง คุณแม่ที่ตั้งครรภ์กลัวว่าจะทำให้ลูกพิการ แต่ความจริงแล้วโรคนี้ไม่มีอันตรายถึงขั้นนั้น เพียงแต่ทำให้มีความทรมานจากอาการคัน และถ้าเผลอไปมาก ๆ อาจทำให้เกิดแผลติดเชื้อตามมา
การรักษาเชื้อราในช่องคลอด
การติดเชื้อราในช่องคลอดสามารถรักษาได้ด้วยยา มีทั้งแบบกิน แบบสอดในช่องคลอด และแบบครีมทาในช่องคลอด ซึ่งทุกชนิดยังแบ่งย่อยออกไปอีก เช่น ยาสอดอาจมี แบบครั้งเดียวและเม็ดเดียวจบ หรือเหน็บวันละเม็ดแต่หลายวัน (ประมาณไม่เกิน 1 อาทิตย์) ตัวอย่างยา Clotrimazole ซึ่งหลายแบบทั้งแบบ เช่น แบบที่ มี Applicator (อุปกรณ์ช่วยสอดยา) เหมาะสำหรับมือใหม่หรือสตรีตั้งภรรค์
.
ทั้งนี้ควรผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ เพราะยาสอดจะมีข้อจำกัดเฉพาะตัวในการใช้ เช่น เพื่อความปลอดภัยต่อสตรีมีครรภ์จะใช้ยาสอดได้ในช่วงครรภ์ระยะที่ 2 และที่ 3 เท่านั้น เนื่องจากการใช้ยาใดๆ ในระหว่างตั้งครรภ์มีความเสี่ยงสูงจึงควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์
มีวิธีป้องกันไม่ให้เป็นเชื้อราไหม?
วิธีง่ายๆก็คือ อย่าสร้างสภาพแวดล้อมของร่างกายให้เชื้อราชอบ เช่น
• อย่าใส่เสื้อผ้าที่คับ อึดอัดที่บริเวณนั้น
• อย่าปล่อยช่องคลอดชื้นแฉะ
• เมื่อรู้สึกร้อนหรือเหนอะหนะบริเวณปากช่องคลอด ควรทำความสะอาดเช็ดให้แห้ง
• อย่าเอาผ้าอนามัยแผ่นเล็กๆ ปิดปากช่องคลอด เพราะจะยิ่งอบให้มันร้อนมากขึ้น
• ดูแลรูปร่าง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่ให้มีน้ำหนักมากเกินไป
.
แหล่งที่มา :
https://www.si.mahidol.ac.th