ภูเขาเอเวอร์เรสกำลังประสบปัญหาเรื่องขยะที่มาจากมนุษย์ ไม่ใช่แค่ของเหลือทิ้งจากการตั้งแคมป์อย่าง กระป๋องเบียร์ กระป๋องเชื้อเพลิง แต่ยังรวมไปถึงสิ่งปฏิกูลของมนุษย์อีกด้วย
ถ้าเป็นเช่นนี้แล้วเอเวอร์เรส จะเป็นภูเขาที่สูงที่สุด ซึ่งมีขยะและสิ่งปฏิกูลของมนุษย์อยู่มากแค่ไหน
นิตยสาร Tech Times ได้บรรยายถึงภูเขาแห่งนี้ว่าเป็น ‘ที่ทิ้งขยะที่สูงที่สุดในโลก’ อย่างไรก็ดี อัลตัน บายเออร์ นักธรณีวิทยาแห่งสถาบันวิจัย อาร์ติค และ อัลไพน์ แห่งมหาวิทยาลัย Colorado Boulder กล่าวกับ Live Science ว่า ปัญหาขยะเกิดขึ้นในพื้นที่โดยรอบมากกว่าจะเกิดขึ้นบนภูเขา ซึ่งคุณจะพบว่าบริเวณที่พัก และหมู่บ้านทั่วอุทยานแห่งชาติ Sagarmatha อันเป็นที่ตั้งของเอเวอร์เรสได้กลายเป็นที่ทิ้งขยะไปเสียแล้ว
ภูเขาเอเวอร์เรสเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัยในทวีปเอเชีย ที่ทอดตัวยาวถึง 1,500 ไมล์หรือ 2,400 กิโลเมตร ยอดเขามีความสูง 29,029 ฟุตหรือ 8,848 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลอยู่ทางชายแดนฝั่งเหนือของอุทยานแห่งชาติ Sagarmatha ภายในเขตKhumbu ของเนปาล ครอบคลุมหลายประเทศเช่น ภูฎาน อินเดีย ปากีสถาน และอัฟกานิสถาน ข้อมูลจากU.S Geological Survey
ในปี1953 Edmund Hillary and Tenzing Norgay เป็นบุคคลที่พิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสได้สำเร็จ จากนั้นมาก็มีอีกหลายพันคนที่ได้เดินตามรอยเท้าของพวกเขา ปลายยุค1990 เอเวอร์เรสได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางหลักของนักผจญภัย เมื่อไม่นานมานี้ อุทยานแห่งชาติ Sagarmatha ได้มีผู้คนไปเยือนมากถึงกว่า 150,000 คนต่อปี โดยหลายหมื่นคนในจำนวนนี้พยายามที่จะปีนขึ้นไปให้ถึงยอดเขาเอเวอร์เรส บายเออร์กล่าว
นักปีนเขาที่เดินทางไปยังตีนเขาเป็นครั้งแรกอาจประหลาดใจที่พบว่ามีเต๊นท์ ขวดเชื้อเพลิงและขยะอื่นๆอีกมากมายถูกฝังไว้ที่บริเวณฐานที่ตั้งแคมป์ก่อนเทศกาลปีนเขาจะสิ้นสุดลง บายเออร์กล่าว ‘มันจะดูดีแค่ไหนหากมีการช่วยกันเก็บขยะให้หมดไป’ ปัญหาที่แท้จริงคือเกิดอะไรขึ้นกับขยะเหล่านั้น
เอาอะไรขึ้นไปก็ควรจะเอาลงมาด้วย
เป็นเวลามากกว่าสามทศวรรษที่บายเออร์ได้ศึกษาการบูรณะและอนุรักษ์อัลไพน์ ในเขตภูเขาหิมาลัยแถบเนปาล เขากล่าวว่าขยะที่เอเวอร์เรสมีอยู่2ประเภท
ประเภทแรกคือขยะจากนักปีนเขาที่ทิ้งตั้งแต่ฐานที่ตั้งแคมป์ไปจนถึงยอดเขา ในเบื้องต้นขยะได้ถูกจัดการโดยองค์กร The Sagarmatha Pollution Control Committee (SPCC)ที่ไม่แสวงหาผลกำไร และไม่ใช่องค์กรของรัฐเพื่อที่จะรักษาเขต Khumbu ให้สะอาดด้วยการสนับสนุนของคนท้องถิ่น องค์การ SPCC ทำความสะอาดและยังคงรักษาเส้นทางการปีนเขาไว้โดยได้จัดให้มีภาชนะสำหรับทิ้งขยะมากกว่า 70 ใบตามเส้นทางและมีการเก็บขยะถึงหน้าประตูบ้านตามหมู่บ้านอีกด้วย
Aupperle นักปีนเขาที่ปีนเอเวอร์เรส 2ครั้งและขึ้นถึงยอดเขา 1 ครั้งได้กล่าวกับ Live Science ว่าเมื่อเทียบระบบการจัดการระหว่างภูเขาที่อื่นๆซึ่งเขาได้เคยปีนมา ‘ที่เอเวอร์เรสมีอิสระมากเพราะ ไม่มีกฎระเบียบอะไรเลย’
Aupperle กล่าวว่าเขาไม่คิดว่านักปีนเขาที่ไปเอเวอร์เรสจะใส่ใจนำขยะกลับลงมา ‘คุณมีแค่แรงที่จะนำตัวเองลงมาจากเขา ดังนั้นอะไรก็ตามที่คุณไม่ต้องการจะแบก คุณก็กำจัดมัน’ แต่เขาประทับใจที่ได้เห็นนักปีนเขาชาวเนปาลทำความสะอาดภูเขาด้วยการเก็บซากเฮลิคอปเตอร์ที่พุ่งชนภูเขาโดยการแบกชิ้นส่วนลงมาจากเขาทีละชิ้น
ที่ทิ้งขยะที่สูงที่สุดในโลก
บายเออร์กล่าวว่า ขยะประเภทที่สองเกิดจากที่พักอาศัยในเมืองทั่วเขตKhumbu เจ้าของที่พักจะนำขยะไปเผาในหลุมขยะที่มีขนาดตั้งแต่ 270 สแควร์ฟุตไปจนถึง 2,150สแควร์ฟุต หรือ 25 – 100 สแควร์เมตร บายเออร์ประมาณการว่าหลุมขยะอาจมีหลายร้อยหลุมด้วยซ้ำ
ภายในหลุมเหล่านั้นมีขยะแข็งหลายพันตัน มีทั้ง พลาสติก กระป๋องเบียร์ อลูมิเนียม ขวดแก้วใส่วิสกี้ ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากกระดาษและอื่นๆอีกมากมายและเมื่อพวกมันถูกเผา ขยะเหล่านั้นก็ปล่อยสารพิษขึ้นสู่อากาศและแหล่งน้ำ บายเออร์กล่าว เขายังบอกด้วยว่า เขาสงสัยว่าบรรดาเจ้าของที่พักไม่ได้สนใจที่จะนำขยะกลับมาใช้ใหม่เลยเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายสูง
ปัญหาใหญ่อีกเรื่องคือสิ่งปฏิกูลจากมนุษย์ นักปีนเขาท้องถิ่นได้ถูกจ้างให้นำเอาขยะจากแคมป์ลงมาฝังไว้ในหลุมขยะซึ่งจะถูกชะล้างในช่วงฤดูมรสุมตอนหน้าร้อน บายเออร์กล่าวว่า มีปริมาณมากกว่า 12,000Ibs หรือ 5,400 กิโลกรัมที่เป็นของเสียหรือเป็นสิ่งปฏิกูลจากมนุษย์ที่ไปตั้งแคมป์บนภูเขาเอเวอร์เรส แล้วเกิดอาการโรคท้องร่วงหรือเป็นโรคที่เกี่ยวกับลำไส้อย่างที่หลายๆคนเคยประสบมา ซึ่งในแต่ละปีสิ่งปฏิกูลเหล่านี้ไม่ได้ถูกกรองออกไปจากแหล่งน้ำเลย
หนทางแก้ปัญหาที่เป็นไปได้
ปัญหาขยะอาจจะดูเป็นเรื่องใหญ่แต่ก็ยังไม่สิ้นหวัง เพราะมีบรรดานักท่องเที่ยวไม่มากนักจากจำนวนหลายพันคนได้เดินทางกลับมาช่วยกันทำความสะอาด
ยกตัวอย่างเช่น The Mount Everest Biogas Project ที่มุ่งเน้นการทำความสะอาด Gorako Shep ซึ่งเป็นหมู่บ้านใกล้กับภูเขาเอเวอร์เรสในอุทยานแห่งชาติ Sagarmatha ซึ่งตั้งอยู่ในระดับความสูง17,000ฟุต หรือ5,180 เมตร หมู่บ้านจะเข้าถึงได้ก็ต้องใช้เวลาเดินทางไกลถึง 6 วันจากสนามบินที่ใกล้ที่สุด ข้อมูลนี้นำมาจากเว็บไซต์ของ The Biogas Project ในเมืองไม่มีไฟฟ้า เครื่องทำความสะอาดหรือแหล่งน้ำแต่ขยะจากมนุษย์ทั้งหมดที่มาจากฐานที่ตั้งแคมป์ได้มาอยู่ที่นี่และนำไปไว้ในที่ทิ้งขยะ
โครงการนี้มีจุดประสงค์ที่จะแก้ไขปัญหาโดยนำสิ่งปฏิกูลของมนุษย์ไปหมักเพื่อย่อยสลายภายใต้สภาวะที่ไร้ออกซิเจน “โดยนำแท้งค์ขนาดใหญ่ที่บรรจุจุลชีพที่อาศัยอยู่ในน้ำผสมกับแบคทีเรียที่พบในขยะเมื่อผสมกันจะได้ก๊าซมีเธน ส่วนน้ำทิ้งที่เหลือจะมีปริมาณจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรคน้อยลง ระบบนี้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า
ความพยายามอีกรูปแบบหนึ่งคือการแก้ปัญหาที่เกิดจาก Sagarmatha next ซึ่งเป็นองค์กรที่สร้างขึ้นเพื่อสร้างสรรค์งานศิลปะจากขยะที่มาจากอุทยานแห่งชาติ Sagarmatha กลุ่มองค์กรวางแผนในการสร้างศูนย์กลางใกล้กับเมือง Namche Bazaar ซึ่งจะช่วยในการจัดการขยะและพัฒนาชุมชน
ความพยายามจากองค์กรเหล่านี้มีความเป็นไปได้แต่ยังคงต้องการพื้นที่อีกมาก บายเออร์กล่าวว่า การทำความสะอาดบริเวณฐานที่ตั้งแคมป์ของเอเวอร์เรสยังคงดำเนินต่อไป แต่เราคงต้องหาทางนำขยะกลับมาใช้ใหม่
Source: https://www.livescience.com