แม้ว่าเชื้อ Candida albicans จะเป็นเชื้อที่พบในผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่เป็น candidiasis (ติดเชื้อในช่องคลอด) แต่ก็พบเชื้อโรคอื่น ๆ ที่เป็นไปได้เช่นกัน ได้แก่ Candida tropicalis และ Candida glabrata ที่ทำให้เกิดช่องคลอดอักเสบจากเชื้อราเพิ่มขึ้น และในความเป็นจริงการติดเชื้อซ้ำอาจเกิดจากการดื้อยาต้านเชื้อราที่ไม่ได้เกิดจากเชื้อ Candida สายพันธุ์อัลบิแคนส์
มีการศึกษาพบสารต้านเชื้อรา imidazole เช่น miconazole และ clotrimazole ไม่มีประสิทธิภาพต่อเชื้อราที่นอกเหนือจาก C. albicans, C. tropicalis และ C. glabrata เพราะมีความไวต่อ miconazole น้อยกว่าเชื้อ Candida albicans ถึง 10 เท่า
.
แม้ว่าการดื้อยาต้านเชื้อราจะเป็นอุปสรรคต่อการรักษา แต่ก็มีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจทำให้เกิดเชื้อราในช่องคลอดซ้ำได้
การไม่ปฏิบัติตามวิธีการรักษาอาจส่งผลให้เกิดการติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยอาจไม่ได้รับการรักษาด้วยยาต้านเชื้อราครบชุดยา และ 15 – 20% ของผู้หญิงที่เชื้อราลดลงหลังการรักษาจะยังสามารถพบเชื้อราอีกครั้งได้ภายใน 3 เดือน ซึ่งหากมีการติดเชื้อเกิดขึ้นอีกอย่างน้อย 3 เดือนหลังจากครั้งล่าสุดนั้นอาจจะมีแนวโน้มที่เกิดจากการติดเชื้อ C. albicans สายพันธุ์อื่น
ยาปฏิชีวนะมักก็เป็นสาเหตุหนึ่งของเชื้อราในช่องคลอดที่เกิดขึ้นซ้ำ เพราะการใช้ยาปฏิชีวนะบ่อยครั้งจะลดการป้องกันเชื้อราในช่องคลอด และสามารถทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของเชื้อ Candida Albicans ตามระยะเวลาของการใช้ยาปฏิชีวนะ
.
โรคเบาหวานก็มักถูกพิจารณาว่าเป็นปัจจัยในการเกิดเชื้อราในช่องคลอดซ้ำได้อีก เพราะเมื่อภาวะน้ำตาลในเลือดสูงจะไปช่วยเพิ่มความสามารถให้เชื้อ Candida Albicans จับกับเซลล์เยื่อบุผิวในช่องคลอด อย่างไรก็ตามหากไม่มีอาการอื่น ๆ ที่บ่งบอกถึงโรคเบาหวาน ผู้ป่วยที่มีการเกิดเชื้อราในช่องคลอดซ้ำอาจจะไม่เกี่ยวข้องกับโรคเบาหวานเสมอไป
.
วิธีการคุมกำเนิดก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่สามารถส่งเสริมให้เกิด candidiasis ในช่องคลอดซ้ำ เช่น การใช้เยลลี่และครีมฆ่าเชื้ออสุจิจะไปช่วยเพิ่มความไวต่อการติดเชื้อ โดยการเปลี่ยนเชื้อราในช่องคลอดและเพิ่มการยึดเกาะของเชื้อ
ผู้หญิงที่รับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดจะมีอัตราการเกิดเชื้อราในช่องคลอดสูงขึ้น ตามทฤษฎี 1 เซลล์ Candida มีตัวรับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ซึ่งเมื่อได้รับการกระตุ้นก็จะไปเพิ่มการแพร่กระจายของเชื้อรา
.
ผู้หญิงที่มีแนวโน้มที่จะเป็นโรค candidiasis ในช่องคลอดซ้ำ ๆ อาจมีความเป็นไปได้เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันบกพร่องของเซลล์ เพราะจะมีความอ่อนไหวต่อการติดเชื้อ งานวิจัยบางชิ้นชี้ให้เห็นว่าผู้หญิงที่เป็นโรค candidiasis ในช่องคลอดกำเริบ 40-70% จะมีอาการ anergy (กลุ่มไม่ตอบสนอง) ซึ่งส่งผลให้ T-lymphocyte ตอบสนองต่อเชื้อ Candida ที่ไม่ปกติ และงานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่าแอนติเจนของกลุ่มเลือด Lewis A และ B บนเยื่อบุผิวในช่องคลอดสามารถป้องกันการติดเชื้อ candida ได้
.
ปัจจัยอื่นภายนอกอาจมีความสำคัญเช่นกัน เช่น เหงื่อที่เกิดจากเสื้อผ้าที่รัดแน่น หรือชุดชั้นในที่ระบายอากาศไม่ดีจะไปเพิ่มอุณหภูมิและความชื้นบริเวณอวัยวะเพศหญิง ทำให้เกิดการระคายเคืองบริเวณช่องคลอด
หรืออาจเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ งานวิจัยชิ้นหนึ่งแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างความถี่ในการมีเพศสัมพันธ์รายเดือนกับการเกิดเชื้อราในช่องคลอดซ้ำ
แต่การถ่ายทอดทางเพศนั้นยังเป็นที่ถกเถียงกัน โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งพบสายพันธุ์ Candida ที่เหมือนกันกับคู่นอนของผู้หญิง 48% มีการติดเชื้อซ้ำ
.
การทดลองได้ประเมินผลของการรักษาคู่นอนฝ่ายชายด้วยคีโตโคนาโซลในช่องปากว่ามีผลต่ออัตราการกลับเป็นซ้ำของเชื้อราในช่องคลอดหรือไม่ โดยอัตราการกลับมาเป็นซ้ำในกลุ่มที่ได้รับการรักษา และไม่ได้รับการรักษา พบว่ามีความคล้ายคลึงกันที่ 6 เดือนและ 1 ปี แต่การรักษาด้วยยาต้านเชื้อรา เฉพาะที่ไม่ได้ผลในคู่นอนฝ่ายชายอาจเป็นเพราะการรักษานั้นไม่สามารถเข้าถึงแหล่งกักเก็บเชื้อได้ จึงสรุปได้ว่าไม่มีการทดลองทางคลินิกที่พบว่าการรักษาคู่นอนของผู้ชายจะช่วยป้องกันการกลับเป็นซ้ำของเชื้อราในช่องคลอดผู้หญิง
.
อย่างไรก็ตามการรักษาเชื้อราในช่องคลอดจะเริ่มต้นได้ด้วยการยอมรับและเปิดใจให้การรักษา ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะรู้สึกเขินอายที่ต้องพูดคุยเกี่ยวกับการรักษาช่องคลอดของตัวเอง จึงแนะนำให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร ซึ่งอาจได้รับการจ่ายยา Clotrimazole สำหรับสอดเข้าช่องคลอดและมียาที่มาพร้อมกับอุปกรณ์ช่วยสอดยา สามารถใช้งานได้ง่ายโดยมือเฉพาะมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นการรักษา แต่ปริมาณและระยะเวลาจะต้องขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์หรือเภสัชกรจึงต้องปรึกษาเพื่อการรักษาอย่างถูกต้องและเหมาะสมที่สุด
.
แหล่งที่มา :
https://www.aafp.org/afp/2000/0601/p3306.html