กลากเกลื้อนหรือที่เรียกว่า dermatophytosis เป็นการติดเชื้อ dermatophyte
ภาษาอังกฤษเรียกว่า ‘Ringworm’ เกิดจากเชื้อราไม่ใช่ตัวหนอน แต่รอยโรคที่เกิดจากการติดเชื้อนี้คล้ายกับตัวหนอนที่มีรูปร่างเป็นวงแหวนจึงเป็นที่มาของชื่อ Ringworm
กลากสามารถส่งผลกระทบต่อทั้งมนุษย์และสัตว์ การติดเชื้อในระยะแรกจะปรากฏเป็นหย่อมสีแดงบนผิวหนัง และต่อมาอาจแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย อาจส่งผลต่อถึงหนังศีรษะ เท้า เล็บ ขาหนีบ เครา หรือบริเวณอื่นๆได้
.
รู้จักอาการกลาก
อาการของกลากจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับว่าจะติดเชื้อที่ไหน
เช่น ผื่นแดง คัน หรือมีสะเก็ด หรือบริเวณที่นูนขึ้นของผิวหนัง ที่เรียกว่า plaques อาจมีการพัฒนาเป็นแผลพุพองหรือตุ่มหนองมีรอยแดงขึ้นที่ขอบด้านนอกหรือคล้ายกับวงแหวน
หรืออาจจะเกิดที่เล็บ โดยเล็บจะมีลักษณะหนาขึ้นเปลี่ยนสี หรืออาจเริ่มแตกได้ หากเป็นที่หนังศีรษะ เส้นผมรอบๆ อาจขาดหรือหลุดร่วง และทำให้มีลักษณะเป็นหย่อมๆ ได้ ซึ่งจะเรียกว่าเกลื้อน
.
สาเหตุของกลาก
เกิดจากเชื้อราสามชนิด Trichophyton, Microsporum และ Epidermophyton เป็นสาเหตุของการเกิดโรค และการติดเชื้อสามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสกับสัตว์หรือมนุษย์ที่ติดเชื้อ การติดเชื้อมักแพร่กระจายง่ายในเด็ก
ตัวอย่างโรค
– กลากของหนังศีรษะ (Tinea capitis) มักจะเริ่มเป็นสะเก็ดในหนังศีรษะที่แยกออกมาเป็นหย่อมๆ พบได้บ่อยในเด็ก
– กลากตามร่างกาย (Tinea corporis) มักปรากฏเป็นหย่อมที่มีลักษณะเป็นวงแหวนกลม
– อาการคันบริเวณแนวอวัยวะเพศ (Tinea cruris) หรือสังคัง หมายถึงการติดเชื้อกลากของผิวหนังบริเวณขาหนีบ ต้นขาด้านใน และก้น พบได้บ่อยในผู้ชายและเด็กวัยรุ่น
– น้ำกัดเท้า (Tinea pedis) เป็นการติดเชื้อกลากที่เท้า มักพบในคนที่เดินเท้าเปล่าในที่สาธารณะ เช่น ห้องล็อกเกอร์ ห้องอาบน้ำ และสระว่ายน้ำ เป็นต้น
.
การรักษา
แพทย์อาจสั่งยาต่างๆ ขึ้นอยู่ชนิดและความรุนแรงของการติดเชื้อโดยกลากตามร่างกายสามารถรักษาได้ด้วยยาเฉพาะที่ เช่น ครีมต้านเชื้อรา ขี้ผึ้ง เจล หรือสเปรย์ยา Ketoconazole ซึ่งปัจจุบันแบบสเปรย์ค่อนข้างจะมีความสะดวกสบายมาก เนื่องจากสามารถฉีดลงบนผิวหนังได้โดยตรง ไม่เหนียว ไม่เหม็น ไม่ต้องล้างออก และใช้ได้ตั้งแต่หนังศีรษะไปจนถึงเท้า แต่หากมีแผลถลอกหรือแผลเปิดยังไม่ควรใช้สเปรย์ยาเนื่องจากอาจจะทำให้แสบและระคายเคืองผิวได้
แหล่งที่มา : https://www.healthline.com/health/ringworm#treatment